แสงคือปัจจัยสำคัญที่สุดในการสังเคราะห์แสงและการเติบโตของพืช [Image of a plant absorbing sunlight] โดยเฉพาะไม้ในร่มในห้องปรับอากาศ การทำความเข้าใจประเภทของแสงและการจัดแสงเสริมจึงเป็นหัวใจสำคัญในการดูแลพืชพรรณพรีเมียม
1. การทำความเข้าใจแสงธรรมชาติ (Natural Light)
ตำแหน่งการวางพืชสัมพันธ์โดยตรงกับปริมาณแสงที่ได้รับ:
- แสงแดดโดยตรง (Direct Light): แสงอาทิตย์ส่องถึงพืชโดยไม่มีอะไรบัง เหมาะกับพืชที่ทนแดดจัด เช่น กระบองเพชร, ไม้อวบน้ำ, ไม้ด่างบางชนิด ควรวางใกล้หน้าต่างทิศใต้ (ในซีกโลกเหนือ) หรือหน้าต่างทิศตะวันออก/ตะวันตกที่โดนแดดช่วงเช้า/เย็น
- แสงสว่างทางอ้อม (Indirect Bright Light): แสงที่กรองผ่านม่านบางๆ หรือแสงที่สะท้อนจากผนังห้อง เป็นแสงที่พืชในร่มส่วนใหญ่ต้องการ (เช่น พลูด่าง, ยางอินเดีย, มอนสเตอร่า) เหมาะสำหรับหน้าต่างทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ
- แสงน้อย (Low Light): บริเวณที่ไกลจากหน้าต่าง หรือห้องที่ไม่มีหน้าต่าง ควรเลือกพืชที่ทนทานต่อแสงน้อย เช่น ลิ้นมังกร (Sansevieria), กวักมรกต (ZZ Plant)
2. แสงเสริมเพื่อการเจริญเติบโต (Grow Lights)
สำหรับพื้นที่ที่มีแสงน้อย การใช้ Grow Light เป็นสิ่งจำเป็น Grow Light ถูกออกแบบมาให้ปล่อยสเปกตรัมแสงที่พืชใช้ในการสังเคราะห์แสง (Photosynthesis)
- ประเภท LED Grow Light: เป็นที่นิยมที่สุด เพราะประหยัดพลังงาน ความร้อนต่ำ และสามารถปรับสเปกตรัมได้ ควรเลือก LED ที่มีสเปกตรัมเต็มรูปแบบ (Full Spectrum) ซึ่งให้แสงสีขาว/ชมพูอ่อนที่ดูเป็นธรรมชาติ
- ระยะเวลา: ควรเปิดไฟเสริมประมาณ 10-14 ชั่วโมงต่อวัน ขึ้นอยู่กับความต้องการแสงของพืชนั้นๆ
- ระยะห่าง: ระยะห่างระหว่างหลอดไฟกับยอดพืชสำคัญมาก โดยทั่วไปสำหรับ LED ควรห่างประมาณ 12-24 นิ้ว (ตรวจสอบคู่มือหลอดไฟเสมอ) หากใกล้เกินไปอาจทำให้ใบไหม้ได้
3. สเปกตรัมแสงและผลต่อพืช
พืชใช้แสงสีฟ้า (Blue Spectrum) เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของใบและลำต้น (Vegetative Growth) และใช้แสงสีแดง (Red Spectrum) เพื่อกระตุ้นการออกดอกและติดผล (Flowering/Fruiting) ดังนั้น Full Spectrum Grow Light จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับไม้ประดับในร่ม เพราะเลียนแบบแสงอาทิตย์ได้ใกล้เคียงที่สุด
หากคุณต้องการยกระดับการดูแลไม้ประดับหายากของคุณด้วยระบบแสงที่เหมาะสม ทีมงาน Tree Studio มีกระถางดีไซน์และระบบ Grow Light คุณภาพสูงให้เลือกชม พร้อมคำแนะนำในการติดตั้งที่ สายไหม ครับ